สวัสดีครับผู้เลี้ยงแมวทุกคน หลายท่านคงเคยได้ยิน ได้ฟัง หรือผ่านตากันมาบ้างกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับน้องเหมียวที่อ้วนเกินไป เช่น หัวใจ ทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ ต่อมไร้ท่อ สาเหตุของความอ้วนส่วนใหญ่แล้วมาจากการกินอาหารที่มากเกินไป ดังนั้นเรามาคุยกันถึงเทคนิคในการให้อาหารน้องเหมียวกันดีกว่าครับ เรื่องของอาหารโดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งอาหารสำเร็จรูปออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ อาหารเปียกและอาหารแห้ง พบว่าแม้คุณค่าทางอาหารทั้งสองจะไม่ต่างกันหากเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมอื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอาหารทั้ง 2 ชนิดนั้น ก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันมากมาลองดูกันเลยครับ
1. อาหารแห้ง ก็คืออาหารเม็ดนั่นเอง ข้อดีก็คืออาหารลักษณะนี้สามารถช่วยเรื่องการทำความสะอาดของฟันของแมว เพราะทุกครั้งที่น้องเหมี่ยวเคี้ยวอาหารฟันของเค้าจะเกิดการเสียดสีกับอาหารและถูกขัดไปด้วยจึงช่วยควบคุมการเกิดหินปูนได้บางส่วน นอกจากนี้ยังสะดวกในการเก็บรักษาและอยู่ได้นานกว่าเนื่องจากมีความชื้นน้อยทำให้เกิดการเน่าเสียได้ยากกว่าอาหารเปียก แต่ข้อเสียของการให้อาหารชนิดนี้ ผู้เลี้ยงแมวควรมีน้ำสะอาดให้พร้อมดื่มอยู่เสมอ เพราะอาหารแห้งมีปริมาณของน้ำในอาหารน้อย อาจโน้มนำให้เกิดการขาดน้ำได้ หากน้องแมวมีน้ำเพียงพอ หรือแมวบางตัวอาจไม่ชอบเพราะแข็งทำให้เคี้ยวยาก
2. อาหารเปียก ในรูปกระป๋องหรือซอง ส่วนใหญ่แล้วน้องเหมียวจะชอบอาหารแบบนี้มากกว่า เพราะมีกลิ่นหอมกว่าและเคี้ยวง่ายกว่า แต่มีข้อเสียคือทำให้เกิดการสะสมของหินปูนได้ง่าย ทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบและฟันผุตามมา
การสร้างนิสัยการกินที่ดีให้น้องเหมียว
ดังนั้นคุณควรจะให้อาหารแมวให้พอเหมาะในแต่ละมื้อ แล้วฝึกให้แมวกินให้หมดภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง โดยเริ่มจากการวางถาดอาหารไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไม่ว่าเจ้าเหมียวของคุณจะทานหมดหรือไม่ก็ตามให้เก็บถาดอาหารออกไป จะช่วยฝึกนิสัยให้เจ้าเหมียวกินเป็นเวลาและกินให้อิ่มในคราวเดียวโดยส่วนตัวแล้วอยากแนะนำให้ใช้อาหารแห้งเป็นหลัก (แต่ก็สามารถให้อาหารกระป๋องบ้างเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร) ควรฝึกให้น้องเหมียวชินกับอาหารแห้งตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว แต่หากเจ้าเหมียวของคุณยากที่จะแก้นิสัยทานตะกละแล้ว ก็สามารถที่จะวางอาหารไว้ได้ทั้งวันโดยที่ปริมาณอาหารจะต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดต่อวัน
ข้อแนะนำเรื่องอาหารของเจ้าเหมียว
1. อาหารที่ใช้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป หากเพิ่งนำออกจากตู้เย็นควรอุ่นเสียก่อน เพื่อรักษาคุณภาพอาหารและยังเป็นการเพิ่มความน่าทานของอาหารด้วยครับ
2. เตรียมน้ำสะอาดไว้สำหรับดื่มตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าให้อาหารแห้ง เพื่อลดโอกาสในการเกิดนิ่วและร่างการขายน้ำอาจมีผลเสียต่อไตในระยะยาว
3. ไม่ควรเก็บอาหารเปียกที่เหลือสำหรับมื้อต่อไป
4. ไม่ควรให้อาหารในปริมาณที่เยอะจนเกินไปเพราะอาจเป็นโรคอ้วนตามมา
5. ไม่ควรผสมน้ำตาลลงในอาหาร เพราะอาจทำให้น้องเหมียวของเราท้องเสีย
6. แมวเป็นสัตว์กินเนื้ออย่างแท้จริง (Carnivore) จึงต้องการโปรตีนสูงกว่าน้องหมา ดังนั้นอาหารของเจ้าตูบจึงให้โปรตีนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเจ้าเหมียว
7. แมวต้องการสารอาหารบางชนิดอย่างจำเพาะ เช่น ทอรีน และวิตามินเอ เพราะธรรมชาติของแมวจะไม่สามารถสังเคราะได้เองจากอาหารอย่างในคนหรือสุนัข ดังนั้นจึงเป็นการทำผิดอย่างมหันต์ที่จะเลี้ยงน้องเหมียวด้วยอาหารเจ้าตูบหรือปลาทูอย่างที่เคยเป็นในยุคก่อน ๆ ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับพอทราบหลักในการดูแลอาหารให้เจ้าเหมียวกันบ้างแล้วใช่มั้ยอย่าลืมเอาไปปรับใช้กับน้องเหมียวที่บ้านกันนะครับ แล้วพบกันใหม่ครั้งต่อไปครับ
คลินิกโรคแมว (CAT CLINIC)
โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
โทร 02-953-8085-6
Line @VET4
picture by : https://www.pinterest.com
ย้อนกลับ