โรคตับอักเสบในแมว สามารถเกิดได้ทุกช่วงวัย อาการไม่มีความเฉพาะเจาะจง พบได้ตั้งแต่เบื่ออาหาร ซึม น้ำหนักลด ตัวเหลือง อาเจียน หรือถ่ายเหลว สาเหตุนั้นเกิดได้จากหลายอย่าง อาทิเช่น มีภาวะตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดี/ถุงน้ำดีอักเสบ ติดเชื้อไวรัส เนื้องอกหรือมีภาวะที่มีการสะสมของไขมันในตับมากจนเกินไป จนทำให้ตับทำงานได้น้อยลง
การวินิจฉัยสามารถทำได้ตั้งแต่การตรวจค่าโลหิตและค่าชีวเคมีในเลือดต่างๆ เช่น ค่าเอนไซม์ตับ ค่าโปรตีนอัลบู
มิน หรือค่าคลอเรสเตอรอลในกระแสเลือด ส่วนการอัลตร้าซาวน์ช่องท้อง เป็นวิธีที่ควรใช้ในการวินิจฉัยควบคู่ไปด้วยทุกครั้งที่สงสัยในรายตับอักเสบ เพราะเครื่องมืออัลตร้าซาวน์จะช่วยให้คุณหมอเห็นภาพ 3 มิติ มองเห็นการอักเสบของเนื้อตับรวมทั้งอวัยวะข้างเคียงอย่างเช่น ตับอ่อน ถุงน้ำดี หรือลำไส้ได้ด้วย ช่วยให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทั้งนี้เรายังสามารถใช้การ CT scan หรือการเปิดผ่าตัดช่องท้องและตัดชิ้นเนื้อตับบางส่วนเพื่อนำไปตรวจทางจุลพยาธิวิทยาได้ ซึ่งเป็นวิทยาการที่ก้าวหน้ามากขึ้นสำหรับวงการสัตวแพทย์ไทยในการวินิจฉัยโรคตับที่หาสาเหตุได้ไม่แน่ชัด
การรักษานั้นขึ้นกับสาเหตุของการเกิดตับอักเสบ ส่วนใหญ่จะใช้การรักษาแบบประคับประคอง และรักษาตามอาการก่อน อาจให้สารน้ำ ยาปฏิชีวนะ ยาบำรุงตับ ยาลดการอาเจียนคลื่นไส้ และกลุ่มยาantioxidant แต่แมวส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักไม่ยอมทานอาหารเอง ดังนั้นอาจจะต้องใช้สายยางใส่ทางโพรงจมูกเข้าหลอดอาหาร (nasoesophageal tube) เพื่อเป็นการช่วยให้แมวได้รับอาหารในรายที่ไม่ยอมทานเองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่วิธีที่ถือว่าดีที่สุดที่ใช้คือ การใส่ท่ออาหารโดยตรงที่หลอดอาหารเข้ากระเพาะอาหาร (esophagostomy tube) เพราะเป็นวิธีที่ง่ายต่อการจัดการและสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน
บทความโดย
สพ.ญ.มนัสนันท์ สังข์พิทักษ์ (หมอจอย)
สัตวแพทย์คลินิกโรคแมว
โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
Tel : 02-953-8085
Line : http://line.me/ti/p/~@vet4
Website : www.vet4hospital.com
Map : https://goo.gl/maps/h5xR4waakFD2